การต่อต้านของเด็ก

ลักษณะนิสัยของเด็กวัยรุ่นที่ส่งผลต่อการเลี้ยงดู

สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘ลูก’ ย่อมมีพัฒนาการเจริญเติบโตไปตามวัย ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ เพราะฉะนั้นผู้เป็นพ่อ-แม่ ก็จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจ ในเด็กแต่ล่ะวัยอย่างลึกซึ้ง เพื่อการเลี้ยงดูอันมีคุณภาพ ตลอดจนสามารถสร้างความรักความอบอุ่นในครอบครัวได้อย่างแน่นเฟ้น

เข้าใจจิตวิทยาของวัยรุ่น

ช่วงวัยรุ่นคือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่เด็กเกิดความสับสนภายในจิตใจว่าเขาควรทำอย่างไร เรื่องเพศไม่ใช่หลัก เพราะวัยรุ่นส่วนใหญ่เกิดความสับสนว่าเขากำลังอยู่ในบทบาทไหนมากกว่า เช่น ตอนนี้เขาโตพอรึยังที่จะทำตัวแบบนี้ หรือถ้าทำแล้วก็จะดูเด็กเกินไป หรือถ้าทำแบบนี้ก็จะดูเป็นผู้ใหญ่เกินไป เพราะฉะนั้นในฐานะของผู้ปกครองก็ควรมีความเข้าใจ พร้อมทั้งมีแนวทางแนะนำและสนับสนุนเขา อีกทั้งคุณต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าสาเหตุที่อารมณ์ของวัยรุ่นแปรปรวน อันเนื่องมาจากระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงไปนั่นเอง จึงทำให้ลูกเกิดความหงุดหงิดและโมโหง่าย

หาจังหวะเหมาะเพื่อพูดคุย

เวลาจะสอนสิ่งใดก็ตามควรอยู่เวลาอันเหมาะสม ไม่ควรสอนตอนเขากำลังมีอารมณ์ร้อน เนื่องจากอะไรๆ จะยิ่งแย่ลงไปอีก ควรพูดกับลูกดีๆว่าอยากคุยด้วย ไม่ได้คุยเพื่อตำหนิการกระทำของเขา เพียงแค่อยากทำความเข้าใจให้มากขึ้นเท่านั้น คุณต้องให้สัญญากับเขาด้วยว่าจะเก็บทุกเรื่องที่พูดคุยกันไว้เป็นความลับ ลูกก็จะเกิดความรู้สึกไว้วางใจและกล้าเปิดเผยความรู้สึกมากขึ้นรวมถึงเรื่องในอนาคตด้วย

หาสาเหตุที่ทำให้ลูกอารมณ์ไม่ดี

ถ้าคุณล่วงรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้ลูกเกิดความรู้สึกหงุดหงิดได้ ก็จะให้คำแนะนำไปในทางที่ถูกต้องได้เช่นเดียวกัน โดยคุณอาจจะถามไถ่ลูกโดยตรง แต่ก็ต้องทำใจไว้ด้วยว่าลูกอาจจะไม่บอกความจริงกับคุณทั้งหมด เพราะเขายังไม่ไว้วางใจคุณมากพอ ถึงแม้ว่าคุณอาจไม่เห็นด้วยกับบางเรื่องที่ลูกเล่าให้ฟัง แต่ขอให้ข่มใจเอาไว้ อย่าพยายามแสดงสีหน้าอะไร ต้องเป็นผู้ฟังที่ดี ซึ่งสาเหตุที่ทำให้วัยรุ่นเกิดความรู้สึกไม่พอใจมีหลายอย่าง เช่น อาจถูกใครบางคนตำหนิมา หรือเกิดการกลั่นแกล้งกันขึ้น ซึ่งบางครั้งก็อาจเป็นเรื่องร้ายแรงจนถึงขั้นเอาชีวิต! ทุกอย่างมันสามารถเกิดขึ้นได้ในสังคมนี้

ติดอาวุธทางความคิด

เด็กวัยรุ่นยุคใหม่มีความเสี่ยงมากกว่าอดีต เนื่องจากเป็นยุคเทคโนโลยี พ่อแม่ไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าลูกไปไหนกับใคร คุณไม่สามารถเปลี่ยนกระแสและเทคโนโลยีของโลกไม่ได้ แต่สิ่งที่คุณสามารถทำได้ ก็คือ สอนวิธีคิดอย่างมีคุณภาพเพื่อเป็นอาวุธติดตัวให้กับลูก ด้วยการพยายามฝึกพัฒนาสมองส่วนหน้า สอนให้เขารู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง รวมทั้งต้องฝึกให้เขาเรียนรู้จากความผิดพลาด ให้เขามีโอกาสได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง เพราะคุณต้องตระหนักความจริงอีกข้อหนึ่งว่า คุณไม่สามารถดูแลเขาไปได้ตลอด ซึ่งถ้าคุณแสดงท่าทีว่าไว้ใจเขา เขาก็จะเชื่อฟังมากด้วย